เที่ยวหนองบัวลำภู

ถ้ำเอราวัณ ตำบลนากลาง อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู

ตั้งอยู่ที่บ้านผาอินทร์แปลงเป็นถ้ำขนาดใหญ่มีบันไดเรียงคดโค้งไปมา จากเชิงเขาเบื้องล่างขึ้นสู่ปากถ้ำกว่า600 ขั้น มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ อยู่บริเวณปากถ้ำ มองเห็นได้เด่นชัดจากระยะไกล

วนอุทยานแห่งชาติน้ำตกเฒ่าโต้ ตำบลหนองบัว อำเภอเมืองหนองบัวลำภู จังหวัดหนองบัวลำภู

เป็นน้ำตกที่มีความสวยงาม อยู่บนเทือกเขาภูพานในพื้นที่ตำบลหนองบัวห่างจากตัวเมืองหนองบัวลำภูไปจังหวัดอุดรธานี ประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นสถานที่ร่มรื่นด้วยป่าไม้นานาพันธุ์ และโขดหิน รูปทรงแปลกตา บริเวณใกล้เคียงมีศาลเจ้า ปู่หลุบ เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวหนองบัวลำภู

อุทยานภูเก้า-ภูพานคำ (ป่าไม้ธรรมชาติ) ตำบลโคกม่วง อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู

อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ เป็นพื้นที่ในบริเวณที่ราบสูงภาคตะวันออกเฉียง เหนือตอนบน ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู พื้นที่ตอนล่างของจังหวัดอุดรธานี และตอนบนของจังหวัดขอนแก่น สภาพธรณีเป็นภูเขาหินทรายซึ่งมีชั้นของของหินทรายอยู่ด้านบนระดับผิวดิน โดยมีชั้นของหินดินดาน หรือหินดินดานปนทรายเป็นฐาน ด้านล่างมีดินประเภทดินลูกรังและดินร่วนปนทรายกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป ประกอบไปด้วยพันธุ์ไม้ สัตว์ป่า ทิวทัศน์ที่สวยงามตามธรรมชาติ และสภาพป่าโดยทั่วไปเป็นป่าเต็งรัง มีเนื้อที่ประมาณ 201,250 ไร่ หรือ 322 ตารางกิโลเมตร

ถ้ำภูผายา ตำบลดงมะไฟ อำเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู

มีภาพเขียนสีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ปรากฏตามผนังถ้ำเป็นจำนวนหลายส่วน ส่วนแรกบริเวณ ถ้ำล่าง พบกลุ่มภาพเขียนสีแดงบนผนังถ้ำ ผิวเรียบยาวประมาณ 5 เมตร ประกอบด้วย ลวดลายเรขาคณิต ภาพสัตว์ ภาพฝ่ามือ

ภูเก้า (อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพาน) ตำบลบ้านค้อ อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู

อุทยานแห่งชาติภูเก้า – ภูพานคำ เป็นพื้นที่ในบริเวณที่ราบสูงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ตั้งอยู่ในบริเวณตอนล่างของ จังหวัดหนองบัวลำภู และตอนบนของ จังหวัดขอนแก่น สภาพธรณีเป็นภูเขาหินทราย ซึ่งมีชั้นของหินทรายอยู่ด้านบนระดับผิวดิน โดยมีชั้นของหินดินดาน หรือหินดินดานปนทรายเป็นฐานด้านล่าง มีดินประเภทดินลูกรังและดินร่วนปนทรายกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป ประกอบด้วยพันธุ์ไม้ สัตว์ป่า ทิวทัศน์ที่สวยงามตามธรรมชาติ และสภาพป่าโดยทั่วไปเป็นป่าเต็งรัง มีเนื้อที่ประมาณ 322 ตารางกิโลเมตร หรือ 201,250 ไร่ อุทยานแห่งชาติภูเก้าภูพานคำ มีพื้นครอบคลุมอาณาบริเวณรอยต่อสามจังหวัด คือ จังหวัดหนองบัวลำภู จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดอุดรธานีแต่แนวเทือกเขาส่วนใหญ่ที่มีทัศนียภาพอันงดงามจะทอดยาวอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู และที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ อยู่ในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดไปตามเส้นทาง หนองบัวลำภู – ขอนแก่น ระยะทางประมาณ 53 กม. ภูเก้า ประกอบด้วยภูเขา 9 ลูก คือ ภูฝาง ภูขุมปูน ภูหัน ภูเมย ภูค้อหม้อ ภูชั้น ภูเพราะ ภูลวก และภูวัด ภูทั้ง 9 ลูกนี้มีความสลับซับซ้อนมาก ประกอบด้วยป่าไม้ สัตว์ป่านานาชนิด ถ้ำ น้ำตก ลานหินลาด และหินลักษณะแปลกๆ คล้ายปราสาทถ้ำพลาไฮ มีภาพเขียนรูปฝ่ามือ และภาพแกะสลักของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ และศาลาบนยอดหินที่เรียกว่า หอสวรรค์ สามารถชมวิวได้ นอกจากนี้บริเวณภูเก้ายังมีวัดพระพุทธบาทภูเก้า ซึ่งปรากฏรอยเท้าคน และสุนัขขนาดใหญ่สลักบนหิน อันเกี่ยวโยงกับนิทานพื้นบ้านเรื่อง พระสุพรหมวิโมขา กับหมาเก้าหาง และตามผนังถ้ำบริเวณวัดยังมีภาพเขียนสี ภาพสลักสมัยก่อนประวัติศาสตร์

วัดถ้ำสุวรรณคูหา ตำบลนาสี อำเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู

วัดถ้ำสุวรรณคูหา สร้างขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ 2657 จากเดิมที่เป็นวัดร้างโบราณตามหลักศิลาจารึก ที่สร้างเมื่อพุทธศักราช 932 โดยพระไชยเชษฐธิราช กษัตริย์ประเทศลาวเป็นผู้สร้าง แต่ภายหลังกลายสภาพเป็นวัดร้าง ต่อมาประชาชนได้มาบูรณะแล้วสร้างใหม่จนเสร็จ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ 2467 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ 2521 ในสมัยโบราณ เป็นฝ่ายอรัญวาสี(ธรรมยุต) ปัจจุบันสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย พระประธาน เป็นรูปทรงนาคปรก 7 เศียร หน้าตักกว้าง 4 ศอก สูง 1 เมตร ปางมุจลินทร์ เป็นศิลปสมัยล้านช้าง สร้างด้วยสูตรปูนสะทานเพชร (เป็นชื่อสูตรปูนในการสร้าง) มีส่วนผสมดังนี้ ทราย5ส่วน ปูนขาว2ส่วน น้ำมะขาม 2ส่วน น้ำมันยาง โดยใช้อิฐเป็นโครงสร้างภายใน สร้างในสมัยสมเด็จพระไชยเชาฐาธิราช พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช เป็นโอรสของพระเจ้าโพธิสารราชแห่งล้านช้าง มีพระราชมารดาเป็นธิดาพระมหากษัตริย์แห่งเมืองล้านนา (เชียงใหม่) สมัยทรงพระเยาว์มีพระนามว่า เชษฐวงศ์ มีพระอนุชาทรงนามว่า เจ้าท่าเรือ ครั้งเจริญวัย ฝ่ายเมืองเชียงใหม่ขาดราชทายาท กลุ่มเสนาอำมาตย์เมืองเชียงใหม่ จึงพร้อมใจกันเชิญเจ้าเชษฐวงศ์ ผู้สืบเชื้อสายราชวงศ์มังราย(ฝ่ายมารดา) ไปครองเมืองเชียงใหม่ พ.ศ 2086 เมื่อเสวยราชสมบัติเมืองเชียงใหม่ทรงพระนามว่า เจ้าไชยเชษฐาธิราช ครองเมืองเชียงใหม่ได้ไม่นาน พระเจ้าโพธิสารแห่งล้านช้างผู้เป้นพระราชบิดาก็สวรรคต พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช เสด็จมาร่วมจัดการถวายเพลิงพระศพพระราชบิดาที่เมืองหลวงพระบาง เมื่อ พ.ศ 2091 ในครั้งนี้พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชได้นำพระแก้วมรกต พระจันทร์แก้วขาว พระแทรกดำ และนักปราชญ์ราชบัณฑิต มายังอาณาจักรล้านช้าง ประจวบกับพระเจ้าตะเบงชะเวตี้ กษัตริย์พม่า เริ่มแผ่พระราชอำนาจมายังอาณาจักรล้านนาเชียงใหม่ นัยว่าหลวงพระบางต่อต้านอำนาจพม่าที่เริ่มรุกรานเมืองเชียงใหม่ ดังศิลาจารึกพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเชียงใหม่ เป็นศิลาจารึกที่พระจ้าไชยเชษฐาธิราชสร้างไว้ที่เมืองเชียงราย (อำเภอเชียงแสน) กล่าวว่า “สมเด็จพระบรมบพิตร สถิตเสวยราชภิภพ ทั่งสองแผ่นดินล้านนาล้านช้าง” แสดงให้เห็นว่าพระจ้าไชยเชษฐาธิราช ทรงเข้าพระทัยเสมอว่าพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์สองอาณาจักร ฉะนั้นเมื่อเสร็จงานเพลิงพระศพพระราชบิดา พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชหาได้เสด็จกลับเมืองเชียงใหม่ พระเจ้าท่าเรือผู้เป็นพระอนุชาไม่พอพระทัย จึงเกิดสงครามแย่งราชสมบัติอาณาจักรล้านช้างอยู่ระยะหนึ่ง พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชชนะ ได้ครองเมืองหลวงพระบางอีกเมืองหนึ่ง แต่หลังจากนั้นพระองค์ไม่ได้กลับไปเมืองเชียงใหม่อีก เนื่องจากกองทัพพม่าเริ่มบุกรุกหัวเมืองของอาณาจักรล้านนาเชียงใหม่ พระองค์ทรงมีพระราชดำริเห็นว่า เมืองหลวงพระบางตั้งอยู่ในทำเลไม่ปลอดภัย จึงย้ายเมืองหลวงมาตั้งที่เมือง เวียงจันทร์ พระจ้าไชยเชษฐาธิราช เอาใจใส่อาณาประชาราษฎร์ ในบริเวณสองฝั่งแม่น้ำโขง ตั้งแต่จังหวัด เลย หนองคาย อุดรธานี นครพนม สกลนคร อันเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อตระเตรียมกำลังทัพและเสบียงอาหารต่อสู้กองทัพอันเกรียงไกรของพม่า นอกจากนี้ยังพบหลักฐานอันมากมายที่พระองค์ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา บูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม ดังศิลาจารึกวัดจอมมณีจังหวัดหนองคาย (พ.ศ 2106) เป็นต้น พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ได้ทรงทำนุบำรุงวัดถ้ำสุวรรณคูหา ถึงแม้ไม่ได้สร้างถาวรวัตถุ (พระสงฆ์ฝ่ายอรัญวาสีไม่พึงประสงค์) แต่ก็ได้พระราชทานวิสุงคามสีมา แก่วัดถ้ำสุวรรณคูหา ถึงด้านละ 1,000 วา (2,500ไร่) และได้พระราชทานนาจังหันอีกมากมาย (นาจังหันคือพื้นทีที่เป็นสิทธิ์ของวัด ผลิตผล เช่น มะพร้าว ตาล หมาก ฯลฯ ต้องเป็นสิทธิของวัดร้อยละ 10 นั่นคือชาวบ้านทำไร่ทำนาได้ต้องนำมาถวายวัด 1 ถัง ทุกๆจำนวน 10 ถัง คือบ้านนาปู บ้านนาสิกส้าง บ้านนาต้น บ้านนาแพงเมือง ชาวบ้านที่ทำนาในพื้นที่เหล่านี้ ไม่ต้องถูกเกณฑ์ทหารและไม่ต้องเสียภาษี (ตามภาษาถิ่นเรียกว่าส่วยไร่) แก่เจ้าเมือง แต่มีหน้าที่เสียภาษีบำรุงวัดถ้ำสุวรรณคูหา คือนำผลผลิตจากเรือกสวนไร่นามาถวายวัดร้อยละ 10) นอกจากนี้ในศิลาจารึกของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ยังได้กล่าวถึงเมืองสำคัญในระแวกวัดถ้ำสุวรรณคูหา นี้ด้วย คือ เมืองนาสี(บ้านนาเสีย) เมืองนาขาม(บ้านนาขาม) เมืองหินซน(บ้านวังหินซา) เมืองชนู(บ้านกุดฮู) เป็นต้น ยังมีใจความกล่าวถึงพระเถระชั้นผู้ใหญ่วัดถ้ำสุวรรณคูหา ชื่อว่า พระมหาอินทรวัชสังวรเจ้า รวมถึงตอนท้ายศิลาจารึกประกาศว่า “ท้าวมาลุน ขุนมาใหม่ได้อย่าได้มา มล้างพระราชอาญา ผู้ใดหากโลภตัณหามากแล มล้างพระราชอาญา ให้ผู้นั้นไปสู่อุบายทุกข์ทั้งสี่ ท้าวพระยาที่มีอำนาจภายหลัง อย่าได้ลบล้างคำสั่งของพระราชอาญานี้ หากใครมีใจโลภมาลบล้างคำสั่งนี้และยึดเอาสิ่งของไร่นานี้เป็นของตน ขอให้ตกนรกหรืออุบายภูมิทั้งสี่” ความสำคัญทางด้านสังคมวัฒนธรรม จากการศึกษาศิลาจารึกวัดถ้ำสุวรรณคูหานี้ พบว่ามีชุมชนที่เป็นหมู่บ้านและเป็นเมืองอยู่จำนวนไม่น้อย เพราะดินแดนภาคอิสานในสมัยอยุธยาตอนต้น ไม่พบว่ามีเอกสารทางด้านประวัติศาสตร์ใดๆ กล่าวถึง จะเป็นพระราชพงศาวดารอยุธยา หรือพระราชพงศาวดารลาวก็หาได้กล่าวถึง ชื่อบ้านนามเมืองในแถบนี้ไม่ แต่จากหลักฐานที่ปรากฏอยู่ในศิลาจารึกวัดถ้ำสุวรรณคูหานี้ ทำให้เราทราบถึงชุมชนอิสานบริเวณลุ่มแม่น้ำโขงตอนเหนือได้ ถึงแม้จะไม่ได้รายละเอียดมากนักก็ตาม แต่ก็ได้กล่าวถึงชื่อบ้านนามเมือง จำนวนไม่น้อย เช่น เมืองนาเรือ เมืองนาขาม เมืองหินซน เมืองชนู และชุมชนแบบหมู่บ้าน อีก เช่นนาปู นาท่าเป็ด นาหัน นาไก่เขี่ย นาแพงเมือง และนาสีกส้าง เป็นต้น ปัจจุบัน อาณาบริเวณวัด ที่เป็นเขา ก็ยังมีสภาพเป็นป่าอยู่บ้าง บริเวณวัดก็ไม่ค่อยมีเสนาสนะ สิ่งก่อสร้างมากมาย ยังเป็นเพียงวัดเล็กๆ ที่ซ่อนประวัติความเป็นมาอันยาวนาน ไว้ให้คนได้ค้นหา

ภูพานคำ ตำบลบ้านค้อ อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู

เป็นเทือกเขาทอดยาวจากเหนือสู่ใต้ มีทัศนียภาพที่สวยงามของทะเลสาบเหนือเขื่อนอุบลรัตน์ซึ่งนักท่องเที่ยวมักจะพักแรมโดยเต็นท์ หรือที่บ้านพักของอุทยานฯหรือที่ศาลาพักแรมของกรมประชาสงเคราะห์ บริเวณทะเลสาบท้ายเขื่อนอุบลรัตน์ที่ภูพานคำนี้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาและเป็นแหล่งตกปลาที่มีชื่อเสียงของจังหวัดด้วยการเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ

ถ้ำผาเวียง ตำบลนาแก อำเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลำภู

ถ้ำผาเวียง อยู่หมู่ที่ 9 ในเขตบ้านผาเวียง ตำบลนาแก มีลักษณะเป็นทิวเขาที่มีทัศนียภาพงดงามมาก ชาวบ้านเรียกกันว่าภูผาเวียง และยังเป็นที่ตั้งของวัดถ้ำผาเวียง ภายในถ้ำประดับประดาด้วยหินงอกหินย้อยงดงามมาก นอกจากนี้ยังมีถ้ำอื่น ๆ บริเวณใกล้เคียงอีก เช่น ถ้ำผากลาง ถ้ำธรรมมาสน์ ถ้ำประทุน ถ้ำคอกเนื้อใหญ่ ถ้ำค้างคาว เป็นต้น การเดินทาง ตามทางหลวงหมายเลข 210 (หนองบัว-ลำภู-เลย) ห่างจากตัวเมืองหนองบัวลำภู 55 กิโลเมตร

หนองบัว ตำบลหนองบัว อำเภอเมืองหนองบัวลำภู จังหวัดหนองบัวลำภู

หนองบัว เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ อยู่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอหนองบัวลำภู มีน้ำขังตลอดปี เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจในยามเย็นของชาวหนองบัวลำภู ด้านหลังของหนองบัวจะมองเห็นแนวเขาภูพานคำทอดยาวดูสวยงาม

วัดป่าถ้ำพระภูเก้า ตำบลหัวนา อำเภอเมืองหนองบัวลำภู จังหวัดหนองบัวลำภู

เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่มีถ้ำเป็นโพรงอยู่บริเวณหน้าผาหิน มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ เป็นที่เคารพสักการะของผู้คนทั่วไป

วัดถ้ำกลองเพล ตำบลโนนทัน อำเภอเมืองหนองบัวลำภู จังหวัดหนองบัวลำภู

เดิมสันนิษฐานว่าเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยขอมเข้ามาครอบครองแผ่นดินแห่งนี้แต่ไม่มีหลักฐานว่าสร้างมาตั้งแต่ พ.ศ.ใด ต่อมาเป็นวัดร้างไม่มีพระภิกษุสามเณรจำพรรษา จนกระทั่งเมื่อ พ.ศ. 2501 พระอาจารย์หลวงปู่ขาวอนาลโย พระวิปัสสนากรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตะเถระได้อาศัยวัดแห่งนี้เป็นสถานที่วิปัสสนากรรมฐานโดยใช้พื้นที่ที่เกิดจากหมู่ก้อนหินขนาดใหญ่ 3-4 ก้อน ที่มีหลืบและชะโงกหินก่อเป็นหลังคาคอนกรีตเชื่อมถึงกัน ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นกลายเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ สามารถจุคนได้หลายร้อยคนเพื่อใช้เป็นที่บำเพ็ญสมณธรรมอยู่ที่นั่นจนกระทั่งมรณภาพเมื่อปี พ.ศ. 2526

วนอุทยานภูผาแดง อำเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู

เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาภูพาน ด้านทิศใต้มีช่องเขาตัดขาดเป็นเอกเทศจากเทือกเขาภูพานชัดเจน ด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกจดพื้นที่ราบรอบด้าน กลุ่มภูผาแดงประกอบไปด้วยยอดเขาน้อยใหญ่สูงต่ำตามลำดับสลับซับซ้อนเรียงรายกันอยู่หลายลูก

ภูพานน้อย (อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ) ตำบลบ้านค้อ อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู

อุทยานแห่งชาติภูเก้าภูพานคำ มีพื้นครอบคลุมอาณาบริเวณรอยต่อสามจังหวัด คือ จังหวัดหนองบัวลำภู จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดอุดรธานี รัฐบาลประกาศให้บริเวณภูเก้า – ภูพานคำ ซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติเดิม ให้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติ ทั้งนี้ เพื่อต้องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งป่าไม้และสัตว์ป่าที่ยังเหลืออยู่ไม่มากนักให้เหลืออยู่เป็นมรดกของชาติตลอดไป ภูพานน้อย เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาภูพานที่ทอดตัวจากทิศตะวันออก อำเภอเมืองหนองบัวลำภูไปทางทิศใต้ที่ ภูเก้า อำเภอโนนสัง มีพื้นที่ 35,000 ไร่ อยู่บนเทือกเขาสูงชัน สามารถมองเห็นตัวเมืองหนองบัวลำภูเบื้องล่าง เนื่องจากอยู่ห่างตัวเมืองเพียงแค่ 6 กิโลเมตร เรียกได้ว่าเป็นสถานที่พักผ่อนแห่งใหม่ของเมืองหนองบัวลำภู บนภูเป็นป่าธรรมชาติร่มรื่นกอปรด้วยป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ซึ่งมีสมุนไพรขึ้นเองตามธรรมชาติมีความหลากหลายทางชีวภาพ อากาศเย็นสบายแวดล้อมด้วยธรรมชาติ รถขึ้นถึง ผู้คนนิยมไปกางเต็นท์พักแรมกลางคืน การเดินทาง ไปตามถนนหนองบัวลำภู-อุดรธานี ถึงบ้านภูพานทอง แล้วเลี้ยวขวาไปตามป้ายประมาณ 4 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาตามป้ายไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ก็จะถึงภูพานน้อย

แก่งตาดฟ้า (แก่งสำราญ) ตำบลนากอก อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู

แก่งตาดฟ้า เป็นแหล่งท่องเที่ยวสถานที่พักผ่อนที่สำคัญของอำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู คนนิยมไปนั่งพักผ่อน เล่นน้ำ โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์คนจะมากเป็นพิเศษ การเดินทางไปแก่งตาดฟ้า ก็จากอ.ศรีบุญเรือง ไปตามทางหลวงหมายเลข 228เส้นไป อ.สีชมพู จนถึง โรงเรียน บ้านโนนงาม ข้าง โรงเรียน จะมีถนน เส้นลัดไป ภูกระดึง ขับเข้าไปประมาณ 10กว่ากิโลเมตร จะมีป้ายเล็ก บอกแก่ง สำราญ (แยกซ้ายมือ ) ซึ่งก็คือแก่งตาดฟ้านั่นเอง

อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ ตำบลบ้านค้อ อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู

อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนทอดยาวจากเหนือสู่ใต้ และเป็นเส้นแบ่งเขตจังหวัดหนองบัวลำภูกับจังหวัดขอนแก่น มีภูมิประเทศที่สวยงามพื้นน้ำกว้างใหญ่ มีที่ทำการอุทยานอยู่ที่ริมทะเลสาบเหนือเขื่อนอุบลรัตน์เชิงเขาภูพานคำ เขตอำเภอโนนสัง นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 50 ของประเทศไทย

ภูหินลาดช่อฟ้า ตำบลโนนทัน อำเภอเมืองหนองบัวลำภู จังหวัดหนองบัวลำภู

เป็นป่าดิบเขาและลานหินกว้างใหญ่ ผืนป่ายังคงความอุดมสมบูรณ์ และยังมีความงดงามของพันธุ์ไม้ป่าชนิดต่าง ๆ ก้อนหินรูปลักษณะแปลกตา เป็นร่องคล้ายถูกน้ำเซาะกัดกร่อนมาเป็นเวลานาน จนก่อให้เกิดโขดหินรูปร่างคล้ายช่อฟ้า และโพรงถ้ำ มีทางเดินชมดอกไม้ป่าที่เกาะบนผนังของหินได้ สามารถมองเทือกเขาภูพานคำนสถานที่พำนักและศูนย์บัญชาการของนิสิต นักศึกษา และประชาชนในการต่อสู้ทางการเมืองเมื่อปี พ.ศ.2519 ซึ่งยังคงเหลือร่องรอยของอดีต เช่น สถูปภูซาง และในบริเวณถ้ำต่าง ๆ

หาดโนนยาว ตำบลโคกใหญ่ อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู

หาดโนนยาว ตั้งอยู่ที่บริเวณบ้านโนนยาว เป็นหาดที่มีน้ำใสสะอาด ทอดตัวลงไปสู่เขื่อนอุบลรัตน์เป็นบริเวณกว้าง ทัศนียภาพสวยงามติดเทือกเขาภูพาน มองเห็นได้ชัดเจน มีผู้คนเดินทางมาเที่ยวเป็นจำนวนมาก จนเรียกกันว่า “พัทยา 3”

ถ้ำจันได ตำบลโคกม่วง อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู

ถ้ำจันได ตั้งอยู่ที่บ้านวังมน ตำบลโคกม่วง อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู มีประวัติการขุดค้น โครงการโบราณคดีประเทศไทย (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) สำรวจเมื่อ พ.ศ. 2528 มีลักษณะเป็นก้อนหินรูปทรงสามเหลี่ยมที่มีภาพเขียนสีบนพื้นผิวหิน ลักษณะปลีกย่อย ภาพเขียนสีด้วยสีแดงแบบเงาทึบ เป็นภาพคล้ายหมีและภาพต้นข้าวสันนิษฐานว่าเขียนขึ้นในสมัยก่อนประวัติศาสตร์