เที่ยวร้อยเอ็ด

แหล่งท่องเที่ยวน้ำตกถ้ำโสดา เริ่มบูรณะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2540 โดย มีหลวงปู่กาล ปภากโล เป็นผู้ริเริ่มก่อสร้างและเป็นผู้ดูแลแหล่งท่องเที่ยวน้ำตกถ้ำโสดา ซึ่งเป็นพระภิกษุสงฆ์ที่จำพรรษาอยู่ในที่พักสงฆ์น้ำตกถ้ำโสดา เหตุที่มีการตั้งชื่อว่า “น้ำตกถ้ำโสดา” เดิมมีเรื่องเล่าอยู่ว่าในสมัยสร้างพระธาตุพนม มีสองสามี-ภรรยาคู่หนึ่ง สามีชื่อ “โส” และภรรยาชื่อ “ดา” อยากที่จะเอาเงินและทองไปใส่ในพระธาตุพนม ก็ต้องเดินทางไปผ่านป่าเลยไปเจอถ้ำแห่งหนึ่งก็เลยใช้เป็นที่พักอาศัยระหว่าง เดินทาง และต่อมาก็ใช้ถ้ำแห่งนี้เป็นที่พักอาศัยระหว่างออกไปหาอาหารป่า เมื่อเหนื่อยล้าก็จะกลับมาพักที่ถ้ำแห่งนี้เป็นประจำทุกวัน จนชาวบ้านได้เรียกชื่อว่า “ถ้ำโสดา” และจากที่มีน้ำตกอยู่ในตัวแหล่งท่องเที่ยวนี้ด้วยจึงได้ตั้งชื่อเป็น “น้ำตกถ้ำโสดา” และได้บูรณะเป็นแหล่งท่องเที่ยวและสำนักสงฆ์จนถึงปัจจุบัน

วัดป่าถ้ำภูมวย เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในถ้ำ บรรยากาศรอบๆถ้ำ สงบร่มเย็น เหมาะต่อการพักผ่อน ทำจิตใจให้สงบ มีความสวยงามตามธรรมชาติและประวัติความเป็นมาน่าสนใจ (เดิมเป็นพื้นที่สีชมพู) มีถ้ำ หุบเขา ลำธาร

น้ำจ้าก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ มีความสวยงาม ร่มเย็น เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ และศึกษาธรรมชาติ

อยู่บริเวณเดียวกันกับบ่อพันขัน เป็นบ่อน้ำขนาดเล็ก มีน้ำใสไหลออกมาตลอดไม่เคยเหือดแห้ง รสชาติจืดสนิท ทั้งทั้งที่อยู่ท่ามกลางแหล่งหินเกลือ แหล่งผลิตเกลือในอดีต ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นน้ำบริสุทธิ์ มีพลานุภาพที่บำบัดทุกข์ภัยไข้เจ็บให้หายเป็นปลิดทิ้ง นักท่องเที่ยวนิยมนำภาชนะมาบรรจุน้ำจากบ่อพันขันไปบริโภคเพื่อความเป็นสิริมงคล ภายในวัดมีต้นเล็บครุฑ ผลเล็บครุฑเชื่อว่ามีอานุภาพไว้ป้องกันพิษจากสัตว์มีพิษนานาชนิด จากความเชื่อที่ว่าครุฑจับพญานาคกินเป็นอาหาร และชมดอกรักซ้อนที่กลีบดอกมีลักษณะซ้อนซ้อนกันเป็นที่แปลกตา สำหรับผู้พกพาเป็นเมตตามหานิยม

เป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ในบึงน้ำมีน้ำขังตลอดปี ริมบึงมีหาดทรายขาวสะอาด กว้างขวาง วันหยุดจะมีนักท่องเที่ยวเข้าท่องเที่ยวพักผ่อนกันเป็นจำนวนมาก

ถ้ำสินชัย เป็นถ้ำที่มีบรรยากาศดี ร่มรื่น เหมาะแก่การศึกษาทางธรรมชาติ เป็นถ้ำบนไหล่เขา มีพรรณไม้นานาพันธุ์ มีวัตถุโบราณ ขณะนี้ปฎิสงขรณ์ใหม่บางส่วน

ครอบคุมดูแลพื้นที่ประมาณ 151,242 ไร่ หรือประมาณ 242 ตารางกิโลเมตร โดยสภาพพื้นที่จะเป็นเทือกเขาหินทรายสูงชันและสลับซับซ้อน ประกอบด้วยป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรัง ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ สัตว์ป่าที่พบในพื้นที่ป่าแห่งนี้ได้แก่ ไก่ฟ้าพญาลอ หมูป่า สุนัขจิ้งจอก เป็นต้น จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจในบริเวณเขตห้ามล่าฯ คือ ผาพยอม ซึ่งเป็นจุดที่ใช้สำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้น และผาน้ำทิพย์ซึ่งเป็นจุดที่ใช้ชมพระอาทิตย์ตกดิน นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ 2 เส้นทาง ระยะทาง 2 กิโลเมตร และ 3 กิโลเมตร