เที่ยวยะลา

น้ำตกบูตง ตำบลลำพะยา อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา

เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่มีน้ำไหลตลอดปี มีสายธารที่ยาว และมีแหล่งที่นักท่องเที่ยวสามารถเล่นน้ำได้ด้วยความสนุกสนานเป็นระยะ ๆ เนื่องจากมีแอ่งที่ไม่ลึกและน้ำใสสะอาด นอกจากนี้ ยังอยู่ใต้ร่มไม้ที่ร่มรื่นอีกด้วย

น้ำตกเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 9 ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา

น้ำตกเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 9 เดิมชื่อ “น้ำตกวังเวง” หรือ “น้ำตกอัยเยอร์เค็ม” เพราะเรียกตามชาวจีนที่มาทำเหมืองกับชาติตะวันตกในยุคมลายูที่ตกเป็นอาณานิคมอังกฤษ

ล่องแก่งอัยเยอร์เวง ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา

ล่องแก่งอัยเยอร์เวง กิจกรรมน้องใหม่ของตำบลอัยเยอร์เวง จัดขึ้นหลังประสบความสำเร็จกับการเปิดกิจกรรมชมทะเลหมอกที่อัยเยอร์เวง สำหรับการล่องแก่งที่นี่เป็นกิจกรรมการผจญภัยด้วยการล่องเรือคายัคและล้อยาง ในแม่น้ำปัตตานี ไปตามกระแสน้ำที่คดเคี้ยว มีช่วงที่ผจญภัยบ้างเพราะน้ำไหลตลอดทั้งปี น้ำใสสะอาด จุดที่เป็นเกาะแก่งน้ำจะไหลเชี่ยว แต่มีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก ดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี สำหรับกิจกรรมการล่องแก่ง แบ่งออกเป็น 2 รอบ รอบแรก 9 โมง รอบสอง บ่ายโมง ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร มีอุปกรณ์ป้องกันเป็นอย่างดี ทั้งเสื้อชูชีพ หมวกกันน็อค และฝึกทดลองพายก่อนเริ่มล่องแก่ง

ทะเลสาบ-ป่าฮาลา บาลา ตำบลแม่หวาด อำเภอธารโต จังหวัดยะลา

เป็นพื้นที่อนุรักษ์แห่งใหม่ของประเทศไทย ได้รับการประกาศจัดตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2539 อันเป็นแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย มีพื้นที่ประมาณ 270,725 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ทิวเขาสันกาลาคีรี ป่าฮาลาและป่าบาลาเป็นผืนป่าดงดิบที่ไม่ต่อเนื่องกัน แต่ได้รับการประกาศเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเดียวกัน คือ ป่าฮาลา ในเขตอำเภอเบตง จังหวัดยะลา และ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส แต่ส่วนที่เปิดให้ประชาชนเข้าไปศึกษาธรรมชาติได้ จะเป็นป่าบาลาเท่านั้น ป่าบาลามีพื้นที่ครอบคลุม อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส มีการตัดถนนสายความมั่นคง (ทางหลวงหมายเลข 4062) ไปตามเทือกเขาสันกาลาคีรี ทำให้การเข้าถึงพื้นที่ป่าง่ายขึ้น เริ่มจากบ้านบูเก๊ะตา อำเภอแว้ง ตัดผ่านป่าบาลาและไปสิ้นสุดที่ บ้านภูเขาทองในอำเภอสุคิริน รวมระยะทาง 18 กิโลเมตร สองข้างทางมีสภาพเป็นป่าดงดิบที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย สำหรับการศึกษาธรรมชาติที่นี่เพียงขับรถไปตามถนนสายความมั่นคงก็จะได้ชมสิ่งพิเศษมากมาย เริ่มจากที่ทำการเขตฯ เป็นต้นไป ห่างจากสำนักงานมาประมาณ 5 กิโลเมตร จะมีจุดชมสัตว์ บริเวณนี้จะมีต้นไทรขึ้นอยู่มาก และสัตว์มักจะมาหากินลูกไทรเป็นอาหาร ตรงเข้ามาอีกประมาณ 10 กิโลเมตร จะพบที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์ภูเขาทองซึ่งเป็นหน่วยย่อยของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสายดังกล่าว จะเป็นทำเลที่สามารถเห็นทะเลหมอกอีกจุดหนึ่ง จากจุดนี้เดินเข้าไปประมาณ 100 เมตร จะพบ ต้นสมพง (กระพง) ยักษ์ ขนาดเส้นรอบวง 25 เมตร ความสูงของพูพอน (ส่วนที่อยู่โคนต้นไม้เป็นปีกแผ่ออกไปรอบๆ ส่วนใหญ่มักจะเป็นไม้ใหญ่ที่อยู่ริมน้ำ เพราะจะช่วยในการพยุงลำต้น) สูงประมาณ 4 เมตร ต้นสมพงเป็นไม้ที่ชอบขึ้นตามริมน้ำ เป็นไม้เนื้ออ่อนใช้ทำไม้จิ้มฟัน หรือไม้ขีด สองข้างทางจะได้เห็นพันธุ์ไม้ต่างๆ ที่ไม่อาจหาชมได้ง่ายๆ จากที่อื่นในเมืองไทย เช่น ต้นยวน ไม้ยืนต้นในวงศ์ถั่วที่สวยเด่นสะดุดตา เห็นได้แต่ไกลจากถนน ด้วยผิวเปลือกที่ขาวนวล และรูปร่างที่สูงชะลูด สามารถสูงได้ถึง 65-70 เมตร ถือว่ามีความสูงเป็นอันดับสามของโลก รองจากต้นเรดวูด และยูคาลิบตัส มักถูกตัดไปทำเฟอร์นิเจอร์ ต้นสยา ไม้ในวงศ์ยางซึ่งเป็นไม้เด่นของป่าฮาลา-บาลา จากจุดชมวิวจะเห็นเรือนยอดของต้นสยาขึ้นเบียดเสียดกัน ถ้าซุ่มสังเกตดีๆ อาจจะได้พบนกเงือก เพราะต้นสยานี้เองที่เป็นแหล่งทำรังสำคัญของนกเงือกรวมทั้ง ต้นหัวร้อยรูหนาม เป็นหนึ่งในบรรดาพืชที่พบ ยังมีสัตว์ป่าที่ทำให้ป่าแห่งนี้มีความสมดุลทางระบบนิเวศได้ สัตว์ที่อาศัยอยู่ที่นี่หลายชนิดเป็นสัตว์ที่หายากในไทย เช่น ชะนีดำใหญ่ หรือ เซียมัง มีสีดำตลอดตัว และมีขนาดใหญ่กว่าชะนีธรรมดาเกือบเท่าตัว ชะนีมือดำ ซึ่งปกติจะพบเฉพาะในป่าบนเกาะสุมาตรา บอร์เนียว และป่าบริเวณทางเหนือของมาเลเซียถึงทางใต้ของไทยเท่านั้น บางครั้งอาจจะโชคดีได้พบเจ้าสองตัวนี้เกาะอยู่บนยอดกิ่งไม้ นอกจากนั้นยังมี กบทูด ซึ่งเป็นกบขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ความยาวจากปลายปากถึงก้น ประมาณ 1 ฟุต น้ำหนักกว่า 5 กิโลกรัม มีถิ่นอาศัยอยู่บริเวณป่าต้นน้ำบนภูเขาสูง และจากการสำรวจพบสัตว์ป่าสงวน 4 ชนิด คือ เลียงผา สมเสร็จ แมวลายหินอ่อน และ กระซู่ นกเงือกซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความสมบูรณ์ของป่า และเป็นนกหายากชนิดหนึ่ง แต่ในป่านี้พบถึง 9 ใน 12 ชนิดของนกเงือกที่พบในไทย ได้แก่ นกเงือกปากย่น นกเงือกชนหิน (เป็นนกเงือกชนิดเดียวที่มีโหนกแข็งทึบ ชาวบ้านในอินโดนีเซียจึงล่านกชนหินเพื่อเอาโหนกไปแกะสลักอย่างงาช้าง) นกแก๊ก นกกก นกเงือกหัวหงอก นกเงือกปากดำ นกเงือกหัวแรด นกเงือกดำ นกเงือกกรามช้าง ฤดูกาลที่เหมาะแก่การไปศึกษาธรรมชาติที่นี่คือตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์จนถึงเดือนกันยายน ซึ่งจะมีฝนตกลงมาไม่มากเกินไปนัก

ถ้ำสำเภาทอง ตำบลท่าสาป อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา

ถ้ำมีความลึกและมีห้องหลายห้อง ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม มีรูปร่างต่างๆ ทั้งรูปช้างสามเศียร นกยูง รูปเท้าคน รูปโครงกระดูก ฯลฯ แต่ปัจจุบันขาดการดูแลที่ดีและปัญหาความไม่สงบ จึงมีนักท่องเที่ยวน้อย สภาพพื้นที่จึงดูเสื่อมโทรม

จุดชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา

เมืองใต้สุดสยามประเทศ ที่ตั้งอยู่บนขุนเขาอันสูงและมีความหนาวเย็นตลอดทั้งปีของอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ประกอบกับความชื้นของป่าเขา จึงก่อให้เกิดทะเลหมอกกันสวยงามของอัยเยอร์เวง และมีชื่อเสียงทางด้านการชมทะเลหมอก โดยมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวมาเลเซียที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในอำเภอเบตง ไม่พลาดที่จะไปเที่ยวชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการชมทะเลหมอก คือ ตั้งแต่ตอนเช้าตรู่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นไปจนถึงประมาณ 9 โมงเช้า เพราะหลังจากนั้นไปกลุ่มหมอกจะค่อยๆ จางหายไปกลายเป็นผืนป่าขนาดใหญ่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ บนความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,038 เมตร จึงทำให้มีอากาศเย็นและสามารถชมหมอกได้ตลอดทั้งปี ปัจจุบันได้มีการพัฒนาเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและจัดสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกตลอดจนจุดถ่ายภาพให้กับนักท่องเที่ยวเพื่อเก็บบันทึกความประทับใจของทะเลหมอกอัยเยอร์เวง

ถ้ำศิลป์ ตำบลหน้าถ้ำ อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา

ถ้ำศิลป์ อยู่ในพื้นที่หมู่ 2 ตำบลหน้าถ้ำ อำเภอเมืองฯ จังหวัดยะลา ในภูเขาเดียวกันกับถ้ำพระนอน จิตรกรรมฝาผนังถ้ำศิลป์ เป็นภาพพระพุทธเจ้าปางมารวิชัย ภาพพระพุทธเจ้าประทับนั่ง เป็นแถวเบื้องซ้ายและขวา มีสาวกหรือนั่งประนมมืออยู่ พระพุทธเจ้าปางลีลาและมีรูปผู้หญิงยืนเป็นหมู่สามคน ส่วนสีที่เขียนเป็นสีดินเหลือง เป็นหลัก ซึ่งประกอบด้วยสีน้ำตาลและแดง เพื่อแยกน้ำหนักอ่อนแก่ ตัดเส้นด้วยสีดำ ส่วนสีเขียวปรากฏให้เห็นในภาพ เป็นสิ่งที่เกิดขี้นภายหลังเนื่องจากปฏิกิริยาทางเคมีของสารที่ผสมอยู่ในสี ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี และอาจารย์เขียน ยิ้มศิริ นักโบราณคดีได้ สัณนิษฐานว่า ภาพเขียนสีเหล่านี้เป็นฝีมือสกุลช่างท้องถิ่นที่ได้รับอิทธิพลด้านรูปแบบของภาพจากอินเดีย และน่าจะเป็นภาพเขียนสมัยศรีวิชัยตอนปลาย คือราวพุทธศตวรรษที่ 19-20 ภาพเขียนสีทั้งหมดนี้ในปัจจุบันลบเลือนไปตามสภาพธรรมชาติ ซ้ำยังมีการเขียนต่อเติม มีการขูดขีดให้สูญหายไปเสียมาก พื้นถ้ำก็ถูกชาวบ้านขุดมูลค้างคาวไปเป็นปุ๋ย ก่อให้เกิดความเสียหายมาก

บ่อน้ำร้อนเบตง ตำบลตาเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา

เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่างหนึ่งของเบตงที่มีน้ำพุเดือดขึ้นมาจากพื้นดินในหมู่บ้านจะเราะปะไร น้ำเดือดสามารถต้มไข่สุกภายใน 7นาที มีบริการห้องอาบน้ำแร่ซึ่งเชื่อกันว่าน้ำแร่จากบ่อน้ำร้อนสามารถบรรเทาอาการปวดเมื่อยและรักษาโรคผิวหนังได้